เหวิน เทียนเสียง
เหวิน เทียนเสียง

เหวิน เทียนเสียง

เหวินเทียนเสียง (จีน: 文天祥; พินอิน: Wén Tiānxiáng; เวด-ไจลส์: Wen T'ien-hsiang) เป็นเสนาบดีในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ เกิดเมื่อปีค.ศ.1236 ที่ตำบลลู่หลิ่งหรือเมืองจี๋อานในปัจจุบัน[1]เขาได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองหูหนานและเจียงซีปีค.ศ.1276 ในสมัยจักรพรรดิซ่งกงจง กองทัพมองโกลของกุบไลข่านตีได้เมืองต่างๆ ของจีน แล้วยกเข้าใกล้ราชธานีหลินอาน(หางโจว)ห่างจากกำแพงเมืองเพียง 30 ลี้ จักรพรรดิซ่งกงจงและไทเฮาเห็นว่าหมดทางสู้จึงขอสวามิภักดิ์ต่อมองโกล และเหวินเทียนเสียงออกไปเจรจาหย่าศึกแต่ก็ไม่เป็นผล กองทัพมองโกลบุกยึดเมืองหลวงและจับตัวเหวินเทียนเสียงไว้[2] แต่ก็หาทางหลบหนีออกมาได้ และจัดตั้งกองกำลังต่อต้านกองทัพมองโกล ในขณะที่ขุนนางอื่นที่ไม่ยอมแพ้ได้ย้ายราชธานีลงใต้ไปยังเมืองฝูโจว แล้วพากันยกองค์ชายเจ้าซื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งต้วนจง [3] มีเหวินเทียนเสียงเป็นอัครเสนาบดีใหญ่ปีค.ศ.1277 จักรพรรดิซ่งต้วนจงสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน องค์ชายเจ้าปิ่งได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งตี้ปิง 1 ปีถัดมากองทัพมองโกลก็ยึดเมืองฝูโจวได้สำเร็จ เหล่าขุนนางจึงย้ายราชธานีลงใต้ไปยังเมืองกว่างโจว ปลายปี ค.ศ.1278 ทัพมองโกลได้ยกทัพใหญ่บุกเข้ามาที่เขาอู่พัวหลิ่ง (ทางเหนือของมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน) จับเอาเหวินเทียนเสียง ไปเป็นเชลย[4] แล้วเข้ายึดราชธานีได้ในปี ค.ศ.1279 จักรพรรดิซ่งตี้ปิงและบรรดาขุนนางหนีไปยังภูเขาหยาซานริมทะเลซินฮุ่ย แต่กองทัพมองโกลก็ตามมาโจมตีอีก ลู่ซิ่วฟูขุนนางผู้ใหญ่ จึงแบกองค์ฮ่องเต้ลงเรือหนีฝ่าวงล้อมออกไปแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงจับฮ่องเต้หนีลงทะเลหายสาบสูญไป[5] เมื่อทำลายราชวงศ์ซ่งใต้ได้แล้วเหวินเทียนเสียงก็ถูกส่งขึ้นเหนือไปยังต้าตู (ปักกิ่ง)ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1279 กุบไลข่านขังเหวินเทียนเสียงไว้ในบ้าน เป็นเวลาถึง 4 ปี เพื่อเกลี้ยกล่อมและบังคับให้มารับใช้ราชสำนักมองโกล แต่เขาไม่เคยยอมสวามิภักติ์ต่อราชวงศ์หยวนเลย[6] 9 มกราคม ค.ศ.1283 เหวิน เทียนเสียง ก็ถูกประหารชีวิต ขณะที่เขามีอายุได้ 47 ปี[7] โดยก่อนตายยังได้หันหน้าไปยังทิศใต้แล้วก้มลงคำนับต่อแผ่นดินเกิดเหวินเทียนเสียงถือเป็นขุนนางและกวีผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในความซื่อสัตย์และภักดี โดยบทกวี กั้วหลิงติงหยาง (过零丁洋)สองวรรคท้ายเป็นประโยคที่คนจีนทุกคนยังท่องจำได้ขึ้นใจจนกระทั่งปัจจุบัน辛苦遭逢起一经 ยากเย็นแสนเข็ญแตกฉานการรบ干戈寥落四周星 ตรากตรำกรำศึกโดดเดี่ยวนานปี山河破碎风飘絮 บ้านเมืองล่มสลายดุจใบไม้ร่วง身世沉浮雨打萍 ชีวิตล่มจมดั่งแหนกลางลมฝน惶恐滩头说惶恐 หาดหวางข่งแตกพ่ายขวัญผวา伶仃洋里叹伶仃 ทอดถอนใจเดียวดายในหลิงติง人生自古谁无死 แต่โบราณมาใครเล่าอยู่ค้ำฟ้า留取丹心照汗青 เหลือเพียงใจภักดิ์คงคู่โลก[8]อย่างไรก็ตามในสองวรรคท้ายนั้น ได้มีการแปลเป็นสำนวนต่างๆอีกมาก ที่โด่งดัง เช่น "นับแต่อดีตมามีผู้ใดบ้างที่เคยหนีจากความตายได้ จะเหลือทิ้งไว้ก็แต่เพียงหัวใจอันสัตย์ซื่อนี้ที่ส่องสว่างอยู่ในประวัติศาสตร์"[9] และ "เกิดมามีใครไม่ปลดปลง เกียรติยืนยงฝากไว้ในแผ่นดิน"[10] เป็นต้น

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหวิน เทียนเสียง http://thai.chinese.cn/chineseculture/article/2011... http://history.cultural-china.com/en/46History9318... http://my.dek-d.com/AngelTVXQ/story/viewlongc.php?... http://hakkapeople.com/node/546 http://limfugui.multiply.com/journal/item/1 http://www.phuketvegetarian.com/borad/data/4/0123-... http://www.somboon.info/wizContent.asp?wizConID=52... http://bclc.asia.tu.ac.th/mediawiki/index.php/%E0%... http://www.manager.co.th/China/viewnews.aspx?NewsI... http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.as...